CIVIC 3 D สไตล์ตัวแข่ง
แรงถึงใจแค่ไหน B16A-VTEC

LINE it!

     เล่นกันไม่เลิกกับโฉมของซีวิค 3 ประตูในแบบหน้ายาวท้ายกุด  ซึ่งเวลานี้รูปทรงอาจจะดูตกยุค แต่ในกลุ่มคนที่ชอบกับไม่สน เพราะสนนราคาหาซื้อมาขับไม่แพง  และสามารถปรับโฉมได้ง่ายตามสไตล์ที่นิยมกันในแบบซีวิคตัวนอก   ส่วนเครื่องยนต์ที่นำวางกันในรุ่นนี้ไม่เน้นของต่างตระกูล มักจะวาง B16A เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีทั้งแบบ VTEC เล็ก และใหญ่   โดยให้พละกำลังแรงม้า กับแรงบิดที่ต่างกัน 



    แต่สำหรับซีวิค  3 ดอร์ คันที่นำมาอวดโฉมกันนี้ โดดเด่นตั้งแต่แรกเห็นกับสีสันของตัวรถที่เล่นเฉดสีเหลืองของ CIVIC TYPE R   ที่เผยให้เห็นความท้าทาย  ซึ่งนั้นเป็นความต้องการของ คุณกฤตนันท์    บัวธาตุสีพล  หรือ  “ นายก้อง “       โดยในส่วนของขุมพลังความแรงนั้นได้เลือกวางบล็อกเครื่องรหัส B 16A - VTEC ใหญ่ ที่ให้กำลังแรงกว่ารุ่นวีเทคเล็ก  พร้อมกับระบบเกียร์แมนนวน ที่ต้องนำมาใช้งานร่วมกันด้วย   ส่วนระบบเบรควางใจของรถสปอร์ตรุ่นพี่ นอกจากนี้ภายในที่มาสไตล์ซีวิคนอกแล้วยังมีของโชว์ทั้งพวงมาลัยกับเบาะแบบนักแข่ง   
แตะตาเหลืองสไตล์ TYPE R 
ฝาหน้า-สปอยเลอร์เคลฟาร์


      ถึงแม้ว่ารูปทรงของ   CIVIC  3  ประตู ที่ดูแล้วไม่ถึงกับล้าสมัย    แต่สามารถปรับโฉมให้ดูดีสะดุดตาด้วยการสาดสีสดใสอย่างสีเหลืองที่เห็นอยู่นี้เป็นของ CIVIC  TYPE R ทำให้ตัวรถดูมีราศีเพิ่มขึ้น  พร้อมกันนั้นในส่วนของกันชนหน้าได้เสริมลิ้นหน้าของตัวซีวิคนอกที่เป็นชนิดดำเข้าไป  แต่มาโดดเด่นด้วยฝากระโปรงหน้าที่ท้าทายด้วยเคฟลาร์แท้    ที่มาช่วยตัดกับสีเหลืองของตัวรถทำให้ดุดันเพิ่มขึ้น ที่สำคัญน้ำหนักเบา  ส่วนกระจกส่องข้างที่แนบอยู่นั้นมาในสไตล์  VISON  แบบเคฟลาร์ที่พอจะอวดใครได้เช่นกัน





     ทางด้านข้างที่พอจะโชว์ได้แน่นอนว่าต้องเป็นล้อแม็ก ซึ่งที่ฮิตเล่นกันจะเป็น  MUGEN รุ่น MF 8   ที่มาในแบบ 8 ก้านโค้ง กับขอบ  16 นิ้วกว้าง 7  นิ้ว  พร้อมกับยางคุณภาพจาก  BRIDSTON รุ่น POTENZA RE711 ขนาด 205/50/16 เหมือนกันทั้งสี่เส้น ถัดมาขึ้นมาที่ขอบประตูได้ติดเวทเธอร์การ์ด หรือกันสาดแบบตรงรุ่น ที่อินกันอยู่ในเวลานี้ตามแบบเรซซิ่ง   จากด้านท้ายรถที่ยั่วยวนด้วยแก๊ปหลังแบบเคฟลาร์ขนาดใหญ่ที่ดีไซน์ออกมาให้เชิด..  


ลงบล็อกแรงซีวิคนอก B16A 
ปรับตามสูตรใส่กรองปลายแต่ง  


      ในส่วนสำคัญสุดของซีวิคก็เห็นจะเป็นเครื่องยนต์ที่เดิมทีสังกัดรหัส  D15B  แบบหัวฉีด ที่ให้แรงม้ามาแค่  105  ตัวเท่านั้น แน่นอนว่ามันดูน้อยเกินไป   สำหรับหนุ่มวัยแรงคนนี้เลยได้หาทางออกด้วยการคว้าเอาบล็อกเครื่องของซีวิคนอกในรุ่น 3 ประตูของปี 1999   ในรหัส  B16A ขนาด1,595  ซีซี  4 สูบเรียง แบบ DOHC 16 VALVE ที่เป็น  VTEC ขนาดใหญ่  ซึ่งไม่ต่างจากระบบวาล์วแปรผันที่มีในรถรุ่นใหม่ ๆ สามารถปล่อยม้าออกมาได้พอตัว  170 แรงม้าที่ 7,800 รอบ/นาที พร้อมกับแรงบิดสูงสุด 16 กก.-ม.ที่ 7,300  รอบ/นาที พร้อมกับเกียร์แมนนวลของ B16A แบบ  5 สปีด 





     สำหรับปั๊มจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นของ B16A  แต่เรกูเรเตอร์นั้นเล่นไม่ยากของเดิมแต่อาศัยทุบหัวเพื่อให้สามารถปรับแรงดันน้ำมันได้  ส่วนกรองอากาศเปลือยเป็นของ  HKS ที่มาช่วยจับฝุ่นปล่อยให้อากาศไหลได้สะดวก กับท่ออากาศอลูมิเนียม เพื่อมาช่วยอีกแรงให้อากาศไปได้เร็วยิ่งขึ้น  ส่วนหม้อน้ำในระบายความร้อนได้แอบเอาของซีวิคตัวนอกมาใช้เป็นแบบอลูมิเนียม  2  ช่องใหญ่  และหัวเทียนคุณภาพจาก  NGK  เบอร์  7 พร้อมกับสายหัวเทียนสีฟ้าของ SPLITFIRE  ขนาด 8.8 มม. ที่มาช่วยให้กระแสไฟไหลผ่านได้มากขึ้น ส่งผลให้ระบบจุดระเบิดแม่นยำ  ส่วนปลายท่อไอเสียมาในแบบหม้อพักใบปลายของ  5 ZIGEN 


สลับคลัชต์ลงโช้คหน้า  TEIN  
ค้ำล่างหน้า-หลังเบรค H 22 A 


        ในเรื่องของระบบถ่ายทอดกำลังรถที่แต่งแรงมักจะให้ความสำคัญกัน  ซึ่งคันนี้ก็ไม่ต่างกันแต่ไม่เล่นของแพงอาศัยใส่ครัชต์แบบซิงเกิ้ลเพลทเป็นผ้าคลัชต์ทองแดง มาทำหน้าที่ในจับให้แน่น เพื่อให้ส่งแรงม้าได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับปล่อยได้ไวเพื่อจะได้เข้าเกียร์ง่าย  ผนวกกับด้ามเกียร์ที่เป็นควิกชิฟท์  ซึ่งมีช่วงระหว่างเกียร์สั้นลงจึงทำให้เข้าเกียร์ได้เร็วขึ้น ส่งผลอัตราเร่งไม่ขาดตอน



       ทางด้านช่วงล่างก็ต้องเซ็ทมาเพื่อให้สามารถรองรับพละกำลังของเครื่องยนต์ได้  โดยด้านหน้า-หลังได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นโช้คสตรัทปรับเกลียว  ที่เป็นโช้คอัพน้ำมันของ      TEIN  กระบอกเขียว ที่สามารถปรับความแข็ง-อ่อนที่หลายระดับ โดยได้โหลดลงมา  2.5 นิ้ว และสามารถทำหน้าที่ในซับแรงสะเทือนได้เต็มที่แม้ใช้ความเร็วสูงก็นิ่งไม่หวั่นไหว  ส่วนโช้คหลังเล่นเป็นของเก่าญี่ปุ่น  ในขณะที่ค้ำปีกนกทั้งหน้า-หลัง ของ  CUSCO  มาช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับช่วงล่าง   ซึ่งสามารถช่วยให้ปีกนกไม่บิดตัวและทำให้การทรงตัวนิ่งได้แม้ซัดในความเร็ว ๆ สูง

     ส่วนระบบเบรคมั่นใจได้ว่าสามารถหยุดฝูงม้าจากเครื่อง   B16A   เพราะงานนี้อาศัยดิสถ์เบรคขนาดใหญ่มาสั่งการ  โดยเป็นดิสถ์เบรคของ  H22A ที่เคยอยู่ในรถสปอร์ตพรีลูด ซึ่งมีจานดิสถ์ใหญ่กว่าเดิมและคาลิปเปอร์เบรคข้างละ  2 พอร์ท หรือแม้แต่ด้านหลังเดิมทีเป็นแบบดรัมเบรคก็จัดการเปลี่ยนมาเป็นดิสถ์เบรคโดยใช้ของ  B16A  แบบพอร์ทเดียว พร้อมกับหม้อลมเบรค  เพียงเท่านี้ก็พอที่จะห้ามล้อให้ชะลอและหยุดได้ตามที่ใจต้องการ 


ภายในแต่งในสไตล์ซีวิคนอก  
ของโชว์ NARDI  กับ BRIDE 


     เข้ามาภายในก็ต้องเจอกับของแต่งในสไตล์ซีวิคนอก เริ่มจากคอนโซลหน้าเดิมทีเป็นสีเทาได้ขยับให้เข้มขึ้นในแบบสีดำ พร้อมกับแผงหน้าปัดแบบหน้าขาวที่นิยมกันช่วยให้มองเห็นชัดอ่านง่าย  ต่อมาเป็นคอนโซลกลางที่มาคู่กับช่องชา ซึ่งเป็นช่องเก็บของที่ฝาเปิดเป็นสีชา  ส่วนของแต่งหายากที่อินเทรนด์มานานเห็นจะเป็นพวงมาลัย NARDI ที่เห็นเป็นทรงก้านยกสไตล์ 3 ก้านหุ้มหนังดำคลิบด้ายแดง  เพียงแค่นี้ก็คุยในหมู่นักเลงรถได้แล้ว  ส่วนหัวเกียร์เป็นอลูมิเนียมคล้ายกับทรงของ TRUST  ที่จับกระชับมือ กับถุงเกียร์หนังดำด้ายแดงแบบ TYPE R ให้ดูเท่ยิ่งขึ้น  





     สำหรับเบาะนั่งก็เข้าท่าในสไตล์รถแข่ง โดยเฉพาะเบาะคนขับที่เป็นนแบ็นบักเก็ตชีทแบบหลังแข็งปรับไม่ได้  ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของ BRIDE  รุ่น  ZETA  หุ้มด้วยผ้าแดง     ส่วนเบาะข้าง ๆ ที่เป็นผู้โดยสารนั้นต่างรุ่นกันเป็นของ BRIDE  แต่เป็นรุ่นบริท   ยกเว้นเบาะหลังที่เหลือแค่เบาะนั่ง ในขณะที่ปกป้องตัวรถด้วยโรลบาร์สีฟ้าในแบบ  6 จุดโดยด้านหน้า 2 จุด กลาง 2 จุด และหลังอีก 2 จุดเป็นท่อเหล็กกลวงดัดทรายไม่มีรอยย่น สามารถถอดได้ โดยสั่งทำจาก สิทธิ์เทอร์โบ  ย่านปากเกร็ด ที่เพิ่มความแข็งแรงได้อย่างดี และฝาข้างประตูทั้งสี่บานก็สลับมาเป็นแบบผ้ากระสอบม่วงคู่กับแบล็กคาไลท์    ซึ่งเป็นที่เก็บของทั้งสองอย่างเป็นของซีวิคนอกทั้งนั้น  ยกเว้นเพดานเล่นจารยันต์ครบสูตร 



     แค่สีเหลืองก็กินขาดแล้วกับฮอนด้า ซีวิค 3 ดอร์ที่บรรดานักแต่งรถมักจะชอบทำให้สะดุดตาด้วยสีสัน  พร้อมความแรงจากขุมพลังซีวิคนอกนั้นหากเทียบกับตัวรถขนาดนี้  รับรองขับสนุก หรือ ซิ่งได้หายห่วง เรียกว่าถึงจะเก่าแต่เก๋าบนท้องถนนได้อย่างสบาย